สินค้าที่เลือกมีหลายสเปค/สี/ราคา โปรดเลือกจากรายการด้านล่างแล้วคลิกปุ่ม "ใส่ตะกร้าสินค้า"

รีวิวท่องเที่ยว

ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 4

ติดตามทริป Day อื่นๆ ได้ที่ Link นี้ตามเลยจ้า
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 1
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 2
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 3
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 5
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 6
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 7


ทริปนี้ไปเมื่อวันที่ 20 - 30 พ.ย. 60 เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี คราวนี้ อยากพาแม่ไปดูภูเขาไฟฟูจิสักครั้ง เพราะแม่รีเควสมา ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้น เข้าไปดูคลิปกันได้ที่นี่นะจ้ะ https://youtu.be/JzmWthnGEdw

วันที่ 4 ของทริปแล้ว แพลนวันนี้เราจะเที่ยวอยู่คาวางุจิโกะจนถึงเที่ยงแล้วเอารถเช่าไปคืน จากนั้นก็จะเข้าโตเกียวหล่ะ วันนี้เป็นวันหยุดวันแรงงานของญี่ปุ่นด้วย ลองมาดูกันว่าเราจะเจออีเว้นท์กันไหม ค่าใช้จ่ายทั้งทริป คนละ 83,229.62 บาท ** ค่าใช้จ่ายนี้ ไม่รวม pocket money นะจ้ะ **

แบ่งเป็นรายละเอียดตามนี้
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน JAL (สุวรรณภูมิ-นาริตะ) คนละ 19,090 บาท

2. ค่าที่พัก ทั้งหมด 10 คืน
- Hotel Mystays Nishi Shinjuku 20 - 21/11/17 ( 1คืน ) คนละ 1,540.02
- Kawaguchiko Hotel 21 - 23/11/17 ( 2 คืน ) คนละ 2,135.31
- APA Hotel Keisei Ueno-Ekimae 23 - 30/11/17 ( 7คืน ) คนละ 2,113.75

3. ค่า pocket wifi ของ iwifi.jp ทั้งหมด 11 วัน ราคา 2,118.60 ตกคนละ 529.65 บาท

4. ประกันเดินทาง 4 คน รวม 2,008.00 ตกคนละ 502 บาท

5. จองรถขับใน Kawaguchiko (Toyota Rent a Car) 2 วัน รวม 6,340 บาท

6. Romance car ไป-กลับ 2,090 บาท ตกคนละ 522 บาท

7. ตั๋วเข้า Disneyland ตกคนละ 2,150 บาท

8. ตั๋ว Keisei Skyliner Ueno - Narita Terminal 2 ตกคนละ 645 บาท

9. ค่ากิน+เดินทาง+ค่าเข้าสถานที่ระหว่างทริป 11 วัน ตกคนละ 3,420 บาท / 1 วัน




เช้านี้ฝนตกตลอด ไม่ปลอดโปร่งเหมือนเมื่อวาน




แต่ก็ได้บรรยากาศเย็นแบบชุ่มฉ่ำฝน




ระหว่างรอเตรียมตัวออกเดินทาง เลยเดินมาเที่ยวตรงสวนที่อยู่ติดถนน เดินไม่ไกลจากโรงแรมเราเท่าไหร่




ที่สวนนี้เราจะเห็นวิวสะพานที่ข้ามทะเลสาบคาวางุจิไปอีกฝั่งนึง และเห็นภูเขาสลับไปมา อากาศสดชื่นมาก




ที่สวนปลูกต้นกิงโกะไว้ด้วย ตอนนี้ใบมันร่วงพื้นหมดแล้ว กลายเป็นพรมสีเหลืองพาสเทลไปเลย พี่ฉิมบอกว่ามาสวนนี้ถ่ายพอทเทรตต้องสวยมากแน่ๆ




ตอนนี้ทุกคนน่าจะพร้อมออกเดินทางหล่ะ พวกเราก็เดินกลับกัน




ระหว่างเดินกลับ ก็ดูบรรยากาศเมืองคาวาเวลาฝนตกไปเรื่อยๆ




ที่นี่ตรงส่วนที่เป็นกอหญ้าริมทะเลสาบ ไม่มีขยะเลยสักชิ้นเดียว ทุกอย่างดูสะอาดมาก




ขากลับเราจะเดินผ่านท่าเรือตรงนี้ที่พามาถ่ายรูปเมื่อวานตอนเช้า วันนี้ฝนตกก็ได้อีกบรรยากาศนึงไปเลย




เดินมาถึงโรงแรมแล้ว แต่ขอเลี้ยวไปดูบรรยากาศตรงสวนข้างๆโรงแรมหน่อย




ที่นี่มีต้นเมเปิ้ลขึ้นเยอะมาก พอฝนตกมันก็ได้อีกบรรยากาศนึง มันดูชุ่มฉ่ำและสดชื่น




เราเลยจับพี่ฉิมมาถ่ายรูปซะหน่อย ปกติพี่แกจะถ่ายคนอื่นตลอด วันนี้มาเป็นแบบบ้าง




บรรยากาศแบบนี้ นึกถึงตอนไปเกียวโต เราไปช่วงใบไม้แดงแบบนี้แหละ และก็โดนฝนด้วย แต่ทริปนั้นโหดกว่านี้ เพราะต้องเดินกลางฝนตลอดทาง




ยังไม่ได้ให้ดูวิวจากห้องพักของเราเลย ห้องเราพอเปิดหน้าต่างมาก็จะได้ชมวิวภูเขากับทะเลสาบคาวา




ทริปนี้อยากให้แม่ได้สนุกสนานและดูวิวสวยๆ อาจจะไม่ได้เปิดมาเจอฟูจิซังเลย แต่แม่ก็บอกว่าดีงามแล้วลูกกกกก




เช้านี้ฝนตก เรามีการเปลี่ยนแพลนนิดหน่อย ตอนแรกว่าจะพาไปขึ้นเขาคะจิคะจิ นั่งกระเช้าไปกินดังโงะ พอฝนตกเลยมาเที่ยวแบบ indoor กันดีกว่า




เริ่มที่แรกที่ไปคือ Kawaguchiko Herb Hall
Map : https://goo.gl/maps/jVXb5mSSjGC2




นี่นี่จะมีของเกี่ยวกับพวกสมุนไพร เครื่องหอมขายเป็นเหมือนของใช้ ของที่ระลึก




อย่างอันนี้เป็นมุมลาเวนเดอร์ เค้าจะดีไซน์ให้ดูน่ารักน่าใช้อย่างมาก ตามสไตล์ญึ่ปุ่นเลย




แม่มาถึงก็พุ่งตัวมาที่มุมลาเวนเดอร์ แม่กะพี่เก้ากรี๊ดกร๊าดใหญ่เพราะชอบของพวกนี้มาก




ส่วนพี่เก้า ไปถูกใจขวดน้ำฟูจิซัง ก็สอยกลับบ้านมา 1 ขวด




ส่วนเบญไปเจอพวงกุญแจฟูจิซัง 366 วัน เค้าจะมีวันที่และเดือนแต่ละสี ครบ 366 วันเลย เบญเลยเลือกซื้อวันที่ 21 พ.ย. เพราะมันเป็นวันที่เราได้เห็นฟูจิซังเป็นครั้งแรกในชีวิต




ที่นี่มี 2 ชั้นนะ ชั้น 1 ก็เป็นพวกของเกี่ยวกะสมุนไพร และมีของที่ระลึกอย่างผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าผ้า รูปภาพฟูจิซัง และขนมเยอะแยะเลย




ส่วนชั้น 2 ก็ยังมีของขายอยู่ แต่อันนี้ดูจะเน้นไปทางเครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ดอกไม้อะไรงี้




และเหมือนจะมีคอร์สสอนประดิษฐ์ช่อดอกไม้จากดอกไม้แห้งด้วย




และมีทำพวกเก็บรักษาดอกไม้ใส่ขวดไว้ด้วย อันนี้น่าจะไว้ตั้งโชว์นะ




แม่ตรงมาที่ผ้าเช็ดหน้าลายนำฮูก แม่ก็ชอบนกฮูกมาก ตั้งแต่ทริปเกาหลีหล่ะได้กระเป๋าลายนกฮูกมา ตอนนี้ไปทริปไหนก็จะสอยของที่ระลึกที่มีนกฮูกตลอดๆ




ซื้อของกันเสร็จ ไปต่อที่คาเฟด้านหลัง Herb Hall




มีไอติมลาเวนเดอร์ด้วยยยย ต้องลอง




บรรยากาศในร้าน แต่เหมือนเรือนกระจกปลูกต้นไม้เลยอ่ะ




มีต้นคริสมาสต์ด้วย เพราะมันใกล้จะคริสมาสต์แล้ววว พี่เก้าก็ไปยืนดิ้นด้วยความชอบใจ




ได้ไอติมมาแล้ว มันมีความหอมกลิ่นดอกไม้




เราว่ามันฟุ้งออกมาเลย เป็นกลิ่นลาเวนเดอร์




เนื้อไอติมนุ่มๆ หวานกำลังดี ใครชอบไอติมสไตล์ซอฟคริมก็มาลองกัน




ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว ออกมาสูดอากาศข้างนอกกันดีกว่า




อากาศหลังฝนตกนี่ช่างดีงาม มันสดชื่นมากเลย




อยู่คาวามา 3 วัน รู้สึกชอบในบรรยากาศและความน่ารักของเมืองนี้มาก มิน่านักท่องเที่ยวถึงชอบมากัน




กลับไปที่ลานจอดรถ รีบขับไปที่ต่อไปกันเลย




ที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวคือ Kawaguchiko Konohana Museum
Map : https://goo.gl/maps/S36iM461ciH2




ที่นี่เป็น Museum แสดงภาพและโมเดลของศิลปินที่วาดภาพแมวการ์ตูนตัวนี้ ซึ่งตอนดูเค้าห้ามบันทึกภาพทุกอย่าง เราเลยไม่ได้เก็บภาพมา




ศิลปินคนนี้เป็นคนชอบเดินทาง เค้าไปทางยุโรปและไปใช้ชีวิตกับคน Local เพื่อสร้างแรงบรรดาลใจและก็สร้างงานศิลปะขึ้นมา โดยสื่อออกมาผ่านทางแมวการ์ตูน




เดินออกจากมิวเซียม เราก็เจอแมวเหมือนในภาพถ่ายเลย แมวตัวนี้ทำตัวเหมือนแมวดารามาก มีการหยุดให้ถ่ายรูปด้วย




นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปกันใหญ่เลย อย่างกะซุปตาร์




ดูจบหมดหล่ะ แต่ด้วยความที่บรรยากาศมันดี๊ดีขนาดนี้เลยอยากพาเดินเล่นต่ออีกหน่อย




บอกพี่ฉิมว่าขอพาเดินไปด้านหลังมิวเซียมหน่อยนะ เพราะด้านหลังมันติดกับทะเลสาบคาวา




ข้างๆมิวเซียมก็มีร้านอาหารฝรั่งด้วยนะ บรรยากาศมันดีมากเลย ทานอาหารไปดูใบไม้แดง และวิวภูเขาไป ดูมีความสุขมากกกกก




เดินมาจนสุดทาง เราจะเจอทะเลสาบคาวา ตอนนี้คนก็พ้อยกล้องไปที่กลุ่มเมฆตรงนู้น




นั่นคือฟูจิซังน่ะเอง โผล่ออกมาแล้ว หลังจากที่เมื่อเช้าซ่อนตัวอยู่ในเมฆฝน




นั่นคือฟูจิซังน่ะเอง โผล่ออกมาแล้ว หลังจากที่เมื่อเช้าซ่อนตัวอยู่ในเมฆฝน




แต่ก็ได้อีกอารมณ์นึง เป็นฟูจิซังที่มีเมฆปกคลุม




เดินแถวๆนี้ ถ่ายรูปไม่มีเบื่อเลย




ฟูจิซังค่อยๆเผยโฉมออกมาแล้ว เราว่าอีกสักพัก เมฆน่าจะค่อยๆหายไปหล่ะ




เที่ยงกว่าแล้ว เราต้องรีบเอารถไปคืน มื้อกลางวันเลยจัดอาหารกันที่เซเว่นนี่แหละ ถึงจะเป็นอาหารกล่องเซเว่น แต่ของญี่ปุ่นนี่มันอร่อยมากเลย และมีที่นั่งกิน มีห้องน้ำอะไรให้เสร็จสรรพ เราว่ามันสะดวกมากกับมื้อที่ต้องการความเร็วเพื่อจะเดินทางต่อ




ที่ลานจอดรถตรงเซเว่น เราก็ได้เก็บภาพฟูจิซังแบบไม่มีเมฆมาบังหล่ะ แม่บอกว่าฟูจิซังมาบ๊ายบายพวกเรา เพราะวันนี้เราต้องเข้าโตเกียวแล้ว




เอารถเช่าไปคืนเรียบร้อย เราก็ขนกระเป๋าออกมา ถือกันคนละใบสองใบ




ณ จุดนี้ เริ่มรู้สึกว่าตรูกลายเป็นนักเดินทางไปแล้ว




ต้องหอบกระเป๋ากันเอง ไม่ไฮโซเหมือนตอนมีรถขับแล้ววววว แต่มันก็เป็นอีกรสชาตินึงของการเดินทางอะนะ




มาถึงสถานีคาวาซะที ฟูจิซังคราวนี้มาแบบเคลียร์ๆ ไม่มีเมฆแล้ว




ในทริปนี้เลยได้เก็บภาพฟูจิซังอย่างจุใจมาก ถึงจะโดนฝนเมื่อเช้านี้สักหน่อย แต่ช่วงบ่ายก็ฟ้าใสแล้ว




เซลฟี่กะฟูจิซังรูปสุดท้ายของทริปหล่ะ




จากนั้นพวกเราก็ไปซื้อตั๋ว Fujikyu Line เพื่อไปลงที่สถานี Otsuki เหมือนขามาเลย




รถไฟโล่งมากกกกกกก ไม่เหมือนขามาเลย เหมือนรถไฟทั้งขบวนเป็นของเรา




ให้พี่ฉิมผู้มีกล้าม ช่วยยกกระเป๋าขึ้นหน่อย พอพี่ฉิมยกเสร็จ พี่เก้าก็บอกว่า เอ๊หรือว่าไม่ยกดีนะ... พี่ฉิมนี่ถึงกะขึ้นเลย




ยกเสร็จก็เป็นสภาพนี้




ตอนนี้ก็ได้เวลาชัตดาวน์เพื่อประหยัดพลังงาน เอาไปยกต่อตอนถึงโตเกียว




รถนี้ใช้เวลาวิ่งนานพอควร เพราะพี่แกวิ่งช้าๆแบบชมวิว




เรียกว่าจอดกันทุกสถานีเลยหล่ะ




แต่ก็ถือว่าเป็นการสนุกไปกับการเดินทาง ได้ดูวิวบ้านเรือน ทุ่งหญ้า สุสานอะไรไปเรื่อยเปื่อย




ฟูจิซังรูปสุดท้ายของเราในทริปหล่ะ บ๊ายบายยยย ถ้ามีโอกาสทริปหน้าจะแวะมาหาใหม่




ถึงสถานี Otsuki หล่ะ เราซื้อตั๋วรถไฟแบบ Express จะไปถึงชินจูกุกันตอน 16.30 น. และมั่นใจค่ะว่ามีที่นั่ง




ระหว่างรอขึ้นรถ พี่ฉิมก็ชวนไปถ่ายรูปกัน เสร็จแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถไฟกันหล่ะ




อย่าลืมว่าเราต้องไปขึ้นฝั่งตรงข้ามกะขามานะ อย่าไปขึ้นผิดฝั่ง




จากสถานีชินจูกุ เราก็นั่ง yamanote line มาลงที่อุเอโนะ ก็มาถึงแบบค่ำๆหน่อยหล่ะ




โรงแรมที่เราพักไปจนจบทริปคือ APA Hotel (Keisei Ueno-Ekimae) เป็นโรงแรมที่ใกล้ตลาดอะเมโยโก และใกล้สถานี Keisei ที่นั่งรถไฟ Keisei Sky Liner ตรงไปนาริตะอย่างเร็ว
Map : https://goo.gl/maps/weHuN7eqM9U2




เราว่าโรงแรมนี้คนไทยพักกันเยอะมากกกกกก ถือว่าเป็นโรงแรมที่ใหม่และสะอาด ทำเลก็ดี




ห้องพักจะเรียงๆกันไปแบบนี้ และเป็นตึกสูงๆ มีช่องตรงกลางโล่งๆแบบนี้ พี่ฉิมก็สงสัยว่าข้างล่างมันมีอะไรหว่า




พาเข้าไปดูหัองพักกันดีกว่า อันนี้เป็นห้องพักที่ติดวิวเมือง เปิดหน้าต่างได้ พักคืนละ 4,227 บาท ไม่มีอาหารเช้า




เป็นห้องแคบๆสไตล์โรงแรมในโตเกียว ก็พอจะเดินสวนกันได้บ้าง ในห้องมีการแยกถังขยะให้เราด้วย




ที่นอนเป็นแบบนี้ หน้าต่างสามารถเปิดได้ มองออกไปจะเห็นวิวสถานีอุเอโนะ และสวนอุเอโนะด้านหน้า




มีตู้เย็น ไดร์เป่าผม กาน้ำร้อน ทีวี ครบหมดตามสไตล์โรงแรม




ห้องน้ำดูใหม่และสะอาดมาก มีสบู่แชมพู ครีมนวดครบ




และมีพวกของใช้ในห้องน้ำให้ด้วยครบถ้วน




พอมาถึงก็แอบบอกพี่ฉิมไว้ว่า ที่อุเอโนะใกล้อากิบะมากเลยนะ นั่งรถไฟไปแพ้บเดียวก็ถึง




พี่ฉิมเลยดี๊ด๊า อยากไปเดินเล่นอากินบะสักหน่อย พวกเราก็ยกขบวนกันไป




แต่อันนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนที่วางไว้ เพราะเราจะมีแพลนมาถ่ายคลิปที่อากิบะจริงๆคือวันอาทิตย์




พี่ฉิมบอกอยากช้อพพิ่งนิดหน่อย แต่ดูกระเป๋าของนางสิ สุดท้ายก็ได้มาเต็มกระเป๋า บวกกะอีก 1 ถุง อันนี้แค่มาช้อพพิ่งที่ Radio Kaikan อย่างเดียวเอง
Map : https://goo.gl/maps/JeMyoRNvf5M2




มื้อเย็นวันนี้ ก็มาจบที่ร้านข้าวหน้าเนื้อแถวอุเอโนะนี่แหละ เดินมาจากโรงแรมได้ ชื่อร้าน Gyu no Chikara
Map : https://goo.gl/maps/gdscioTc6aw




แต่ด้วยความที่งงกับการกดเครื่อง เราเลยกดเมนูผิดมา ทำให้พี่เก้าไม่ได้ทานข้าวหน้าเนื้อเลย




อันนี้คือเมนูที่กดผิดมา เป็นซุปเนื้อใสๆ มาเป็นชุดข้าว




พี่ฉิมไม่ยอมแพ้ เลยกดสั่งใหม่อีกรอบ คราวนี้ได้ถูกหล่ะ เป็นข้าวหน้าเนื้อที่เนื้อนุ่มๆ ใส่ชีสมาด้วย รสออกหวานกว่าข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ




เนื้อมันจะออกหวาน+เค็ม ใครที่ชอบสไตล์ข้าวหน้าเนื้อรสเค็มน่าจะไม่ชอบร้านนี้ มันก็แล้วแต่ชอบแหละ แต่สุดท้ายเบญว่าร้านโยชิโนยะอร่อยกว่านะ วันนี้ก็ปิด Day 4 หล่ะ รอ Day 5 ว่าจะไปไหนต่อ คราวนี้เราจะพักโตเกียวยาวไปจนจบทริปเลย ติดตามกันต่อนะจ้ะ ^^




ติดตามทริป Day อื่นๆ ได้ที่ Link นี้ตามเลยจ้า
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 1
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 2
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 3
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 5
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 6
ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 7
สินค้าแนะนำ
x

ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในตะกร้า