สินค้าที่เลือกมีหลายสเปค/สี/ราคา โปรดเลือกจากรายการด้านล่างแล้วคลิกปุ่ม "ใส่ตะกร้าสินค้า"

รีวิวท่องเที่ยว

รีวิวทริปใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นคันไซ Day 2 (เกียวโต-โกเบ-โอซาก้า)

ตารางเที่ยว (กดที่วันที่ จะ Link ไปตารางละเอียดแต่ละวันจ้า)

Day 2 อังคาร 17 พ.ย. 58 - เกียวโต แผนวันนี้คือ
เช้า : วัด Ginkakuji > เส้นทางสายนักปราชญ์ > วัดเอคันโด
บ่าย : Okamoto Kimono สาขากิอน > ตรอกฮิกาชิยามะ
ค่ำ : ร้าน Motoi Sushi ที่กิอน > ร้านขนม Chococro ที่ MRT กิอน

มาเริ่มเที่ยวที่แรกของวันแรกในเกียวโตคือ วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรืออีกชื่อนึงเรียกว่า วัดพลับพลาเงิน

แผนที่ วัด Ginkakuji
Map : https://goo.gl/maps/u29rWqsEfb52
การเดินทาง : MRT Kujo Station > Marutamachi Station Exit 1 แล้วเดินออกไปขึ้นรถเมล์สาย 204 ไป 11 ป้าย ลงป้าย Ginkakuji-nichi
พิกัด : 35.0271965,135.7972988

ค่าเข้า 500 เยน เขียนชื่อ สะกดด้วยตัว G นะ อ่านว่า กิน-คะ-คุ-จิ หรืออีกชื่อคือ วัดพลับพลาเงิน
เมื่อก่อน เป็นที่พักของท่าน อดีตโชกุน อะชิคางะ โยชิมาสะ ตอนหลังวังนี้เลยถูกแปลง มาเป็นวัดนิกายเซ็นไป



สวนรอบๆวิหารได้ เขามีลานหินกรวดสีขาวจำลองแบบมาจากท้องทะเล เรียกว่า กินฉะดัน (Ginshadan) แปลว่า ท้องทะเลแห่งทรายสีเงิน ส่วนทรายรูปกรวย เรียกว่า โคเง็ทสึได หรือลานชมจันทร์



ด้านหลังวัดมีทางเดินขึ้นเนินเขา มองลงมาจะเห็นวิวแลนสเคปของวัด และเมืองเกียวโต ขึ้นไปถ่ายรูปกันได้ แต่ตอนนี้ใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่เลย ถ้าจะให้ดี เราแนะนำว่าควรมาเกียวโตสักช่วงปลายๆ พ.ย. ใบไม้น่าจะส้มกว่านี้เยอะอะนะ มาวัดนี้ช่วงเช้าๆ เรารู้สึกดีนะ เพราะอากาศกำลังดีและเป็นวัดที่ล้อมรอบด้วย ต้นไม้แลสวนสวยๆ มันสดชื่นมากๆ



เดินจนทั่ววัดแล้ว ไปต่อกันที่ ถนนสายนักปราชญ์ หรือ Philosopher's Walk กัน

แผนที่ ถนนสายนักปราชญ์
Map : https://goo.gl/maps/Vm7rQUqcZKJ2
การเดินทาง : ออกจากวัดมาแล้วเลี้ยวซ้ายเลย เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ให้กดจาก map ดู แผนที่ จะพาเราเดินไปถนนเลียบคลอง นั่นคือถนนสายนักปราชญ์
พิกัด : 35.022809, 135.795478

มันคือ ทางเดินเท้าเล็กๆเลียบคลองบิวาโกะ ยาว 2 กม. ไปเรื่อยๆจนสุดทางที่วัดนันเซนจิ ที่นี่เรียกว่า ถนน สายนักปราชญ์ หรือ Philosopher's walk ที่ได้ชื่อนี้เพราะเมื่อสมัยก่อนนู๊น ท่านนิชิดะ คิทาโร่ นักปราชญ์ผู้ มีชื่อเสียงโด่งดัง มักจะมาเดินที่เส้นทางนี้ เพื่อให้เกิดสมาธิ และความสงบในจิตใจ พอถึงหน้าซากุระปั๊บ ที่ นี่จะกลายเป็นอุโมงค์ดอกซากุระที่สวยมาก ทำให้ชื่อเสียงของเส้นทางนี้ดังระเบิด


แต่สำหรับช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เราพลาดไปหน่อยเพราะใบไม้มันยังไม่เปลี่ยนเต็มที่ ดังนั้นพอมาแล้ว ก็เลยไม่ค่อยเจอใบไม้ส้มๆเท่าไหร่ สำหรับคนที่มาช่วงกลางๆพ.ย. แบบเราจะ Skip การเดินที่ถนนสายนัก ปราชญ์ไปเลยก็ได้ เพราะยังมีที่อื่นที่สวยกว่านี้



ที่ต่อมาคือ วัดเอคันโด (Eikando Temple)หรือ เรียกอีกชื่อว่า วัดแห่งใบเมเปิ้ล

แผนที่ วัดเอคันโด
Map : https://goo.gl/maps/a7NpVwSoeum
การเดินทาง : เดินต่อจากถนนสายนักปราชญ์จนสุดทาง ก็จะเจอวัดเอคันโด
พิกัด : 35.0143702,135.79557

ราคาค่าเข้า 600 เยน, ช่วงฤดูใบไม้ร่วง 1000 เยน, รอบกลางคืน 600 เยน (มี Light up)



สิ่งที่ทำให้เรามาแวะที่นี่คือ รอบๆวัดปลูกต้นเมเปิลประมาณ 3,000 ต้น ทำให้ที่วัดนี้ได้รับฉายาว่า "วัดแห่งใบเมเปิ้ล" ดังนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะมีสีสันส้ม เหลือง แดงพรึ่บพรั่บ ทำให้วัดเอคันโด มีชื่อ เสียงในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งนึงในเกียวโต



หลังจากที่เดินดูวัดเอคันโด บอกได้คำเดียวว่าสวยมาก จนรู้สึกเสียดายเวลาที่ไปเดินตรงถนนสายนัก ปราชญ์เลยหล่ะ และอยากอยู่ที่วัดนี้นานๆๆๆ



แต่เราก็อยู่ได้ถึงแค่ประมาณเที่ยงกว่าๆเพราะเรามีนัดต้องไป แต่งชุดกิโมโน ที่ร้าน โอคาโมโตะ กิโมโน สาขากิอน ตอน 13.30 น. ซึ่งพวกเรารีบกันมาก ทำให้ไม่ได้กิน ข้าวกลางวันกัน



จากวัดเอคันโด พวกเราก็เรียกแท็กซี่ไปเลย เพราะยังไงเรามากัน 4 คนพอหารๆกันแล้วก็ไม่แพง แถมยัง เร็วและประหยัดพลังงานในการเดินไปได้อีกเยอะเลย ในที่สุดก็มาถึง Okamoto Kimono

โอคาโมโตะ กิโมโน สาขากิอน
Map : https://goo.gl/maps/naM2HrbMbsn
เว็บไซต์ :http://okamoto-kimono.com/english/index.html
พิกัด : 35.001903, 135.780657



เกียวโต เป็นที่ๆ คนนิยมไปแต่งชุดกิโมโนเดินเล่นกันมากที่สุด จะเห็นว่าเดินไปตามถนนก็จะมีคนใส่กิโมโน เดินกันเป็นว่าเล่น เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่าแก่ พวกเราเลยอยากแต่งกิโมโนให้เข้ากับบรรยากาศสัก หน่อย จะได้เก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก



เราเลยมาเช่าชุดกิโมโนใส่เล่นกัน การเช่าจะให้เช่าได้ทั้งวันและเอามาคืนตอนเย็นก่อน 18.30 น.



ส่วนใหญ่ เค้าจะเช่ากันแต่เช้าเดินเที่ยวทั้งวันและเอามาคืนตอนเย็น แต่เรากลัวจะไม่สะดวกในการขึ้นลงรถเมล์ อาจ จะหัวทิ่มได้ เลยแค่ใส่เดินเล่นสัก 2-3 ชม.ก็พอ



ก่อนมาเช่า ควรจะจองผ่านเว็บมาก่อนนะ จะได้ไม่เสียเวลา มาถึงก็ยื่นใบจองเลย เราก็เลือก package กิโมโนไปตั้งแต่ที่ไทย



package ที่เราเลือกอันนี้ คือ full scale attire plan ราคา 5,000 เยน ตกคนละ 1,450 บาท



ใครมีกระเป๋า สัมภาระ ไม่ต้องห่วง เค้าจะให้เราฝากของไว้ที่ร้าน และมาเอาคืนตอนมาคืนชุด เวลา เดินเที่ยวก็เอาไปแค่เป๋าตังกับกล้องถ่ายรูปและพาสปอร์ตพอ



แม่ก็แต่งด้วย แม่บอกว่าชอบมากๆเลย สวยดี ไม่เคยแต่งอะไรแบบนี้เลยลูก



ที่เราเลือกมาสาขากิอน เพราะเดี๋ยวเราจะตั้งต้นเดินเที่ยวตรอกฮิกาชิยามะด้วย และยาวไปถึงคิโยมิสึเดระ ดัง นั้นจะเป็นการเดินที่ยาวมากกกกกกก แต่ก็มีอะไรให้ดูไปเรื่อยๆตลอดทาง



ก่อนออก ที่ร้านเค้าก็ขอถ่ายรูปเอาไปลงในเว็บเค้าด้วย ก็จัดการยืนเรียงหน้ากระดานกันไป สวยๆ



แต่จู่ๆ ฝน! ก็ตกลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่ก็ต้องตามแพลนกันต่อ จาก Okamoto Kimono เราก็เดินไปจุดต่อไปก็คือ ตรอกฮิกาชิยะมะ



แผนที่ ตรอกฮิกาชิยะมะ
Map : https://goo.gl/maps/t44PtkRiKJp
วิธีการเดินทาง : ตั้งต้นเดินจากโอคาโมโตะ กิโมโน แล้วเดินไปตามแผนที่ Google
พิกัด : 34.999022, 135.780715



ตรอกนี้มันดีอย่างไร ทำไมต้องมา?



มันเป็นย่านที่มีบ้านไม้เก่าแก่แบบญี่ปุ่นโบราณ พื้นปูด้วยแผ่นหิน บรรยากาศนี้ ดูแล้วเหมือนกำลังเดินอยู่ในยุคเอโดะยังไงยังงั้น



สองข้างทางมีร้านขายชา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเต็ม ระหว่างทางเดินก็มีวัดและศาลเจ้าเล็กๆ ให้ เราแวะ เดินไปสุดถนนเส้นนี้ มันจะไปบรรจบกับถนนหน้าวัดคิโยมิสึพอดี ใครมาเดินเล่นก็ได้ทั้งบรรยากาศบ้านเรือนเก่าๆและเที่ยววัดคิโยมิสึต่อไปเลย



เรารู้สึกชอบเดินที่นี่มาก มันให้บรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปเลย รู้สึกว่ามีอะไรให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ



แต่อย่างที่บอก ฝนทำให้การเดินเล่นของพวกเราเป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งถือร่ม ถือกล้อง และต้องระวังพื้นลื่นอีก แถมสิ่งที่แย่สุดๆก็คือ พวกเรารู้สึกว่ากิโมโนที่ใส่ ตรงโอบิมันรัดมากกกก จนรู้สึก ปวดหลังเวลาเดินกันเลยทีเดียว ซึ่งพวกเราก็ยังสงสัยว่า ใส่กิโมโนมันต้องรัดขนาดนี้เลยหรอ จากที่หา ข้อมูลมาไม่เห็นมีใครบ่นว่ากิโมโนรัดแน่นเลยอ่ะ บางคนก็ใส่เดินได้ทั้งวัน



แต่สำหรับเรามันรัดแน่นมากจนเดินแทบไม่ไหว เราก็ปรึกษากันว่าจะไปวัดคิโยมิสึต่อดีมั้ย มันอยู่ตรงหน้า เราแล้วนะ สรุปว่าก็กัดฟัน เอาวะไหนๆมาถึงแล้วก็ไปต่อให้สุดดีกว่านะ แต่พอเราเดินไปถึงทางขึ้นวัดคิโยมิสึ เห็นบันไดสูงชัน ก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่า ตรูไม่ขึ้นต่อแล้วดีกว่า



เพราะนอกจากฝนตก พื้นลื่น ของพะรุงพะรัง ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน กิโมโนรัดจนปวดหลัง ถ้าให้ต้อง ตะกายขึ้นบันไดสูงอีก สังขารของพวกเราอาจจะอยู่ไม่ถึงถ่ายคลิปจนถึงวันสุดท้าย เลยขอสคิปวัดคิโยมิสึเด ระไปอย่างน่าเสียดาย และแอบสัญญากับตัวเองในใจว่า ต้องกลับมาถ่ายคลิปที่นี่อีกครั้งให้ได้



เราเลยเดินกลับทางเดิม เพื่อไปคืนชุดกิโมโน และออกเดินทางต่อไปกินข้าวหน้าปลาไหล 300 ปีที่กิอนกัน ระหว่างเดิน ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆๆ เปียกชนิดที่ว่าฝนซึมไปถึงถุงเท้ากันเลยทีเดียว เรารู้สึกได้ทันทีว่า ทริปนี้โหดไม่ธรรมดาจริงๆ ในใจก็คิดว่า ถ้าไปถึงแล้วอีร้านนี้มันปิดหล่ะ.. อันนี้คิดในใจเล่นๆนะ

แต่อีเว้นท์เล่นจริงเจ็บจริง ไม่มีสตั๊นท์ เดินไปถึงก็พบกับป้ายปิดร้าน.. ขุ่นแพร่ะ นี่เดินมาไกล+ฝ่าพายุฝน กันมาขนาดนี้ เจอร้านปิดนี่มันโหดมากเลยนะ

สุดท้าย พวกเราเลยเดินกลับไปที่ซอยเดิม และเลือกแวะกินซูชิแถวๆนั้น ซึ่งร้านผู้โชคดีที่เราได้แวะไปก็คือ ร้าน Motoi Sushi (โมโตอิ ซูชิ) ที่กิอนนั่นเอง

แผนที่ ร้าน Motoi Sushi (Gion)
พิกัด : 35.0044295,135.7732236
Map : https://goo.gl/maps/VoQwDTfwkkw

เราขึ้นมานั่งชั้น 2 กัน ให้ลุคคล้ายห้องนอนโนบิตะเลย มีเสื่อและประตูเลื่อน



เหล่าซอมบี้ผู้หิวโหย กำลังเลือกอาหารกัน



แป๊บเดียวซูชิก็มาเสิร์ฟ เมนูที่ชอบคือซูชิแซลม่อน อร่อยมาก ปลาแซลม่อนชิ้นบางไปหน่อยแต่อร่อยดี ข้าวมีรสชาติ หยุ่นๆแบบข้าวญี่ปุ่นแท้ๆเลย



ต่อมาเป็นอีก Set สิ่งที่ชอบคือ ซูชิไข่หอยเม่น หรือเรียกว่า อูนิซูชิ ไม่มีกลิ่นเหม็นแม้แต่นิดเดียว มีแต่ความมัน เรียกว่าคนไม่ ชอบกลิ่นไข่หอยเม่นแบบพี่เก้า สามารถทานได้สบายๆเลยอ่ะ อีกอันคือ มากุโร่ซูชิ หรือปลาทูน่านั่นเอง มีความมัน นุ่ม ไม่เหนียวเลย

สรุปโดยรวม ซูชิมีคุณภาพมากๆ เห็นแต่คนญี่ปุ่นมากินอ่ะ คิดว่าน่าจะเป็นสไตล์ร้านญี่ปุ่นแบบแท้ๆและมี พวกญี่ปุ่นขาประจำมานั่งกินกันซะส่วนใหญ่อ่ะนะ



ตอนแรกก็กะว่าจะกลับแล้ว กำลังเดินลงสถานีรถไฟใต้ดิน แต่พอดีเดินผ่านร้าน Chocochro เป็นร้านที่คุณ บุ๊คเพื่อนเราบอกว่ามาแล้ว มาชิมให้ได้นะ เพราะมันอร่อยมาก เป็นขนมแบบครัวซองไส้ช็อคโกแลต แต่หลังจากพวกเรากลับมาจากเกียวโตไม่นาน ที่ Central East Ville ก็มีร้านนี้ไปเปิด ใครที่ยังไม่เคยชิมไปลองกันได้

แผนที่ ร้าน Choco Chro (สาขา Kawaramachi Station)
พิกัด : 35.0040024, 135.7693794
ร้านอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน Kawaramachi



ครัวซองไส้ช็อคโกแลต และไส้เผือก เราชิมแล้วก็เอออออ ใช่เลย อร่อยจริงๆ กินแล้วประทับใจมาก เป็นครัวซองกรอบนอกนุ่มใน ไส้ช็อคโกแล ตไม่หวานมากอ่ะ มันออกหวานนิดขมหน่อยๆ เนื้อช็อคโกแลตเหลวๆ เวลากินกับครัวซองรสชาติมันจะพอดี กันมากกกกก แต่วันที่เราไปมีไส้เผือกด้วยอ่ะ มันๆหวานๆหอมๆ ไม่หวานมากด้วยนะ รสนี้ก็ชอบเหมือนกันแต่ถ้าที่สุดก็ต้อง ไส้ช็อคโกแลต



ครัวซองไอติมถั่วแดง ครัวซองกรอบดี ไอติมเป็นนม กลิ่นนมเยอะมากกกแต่ไม่ค่อยหวาน จะไปหวานที่เม็ด ถั่วแดง แต่ดูถั่วแดงดิ่ เม็ดอ้วนมากกกก มันเป็นถั่วแดงไฮโซชัดๆเลย จากนี้เราขอไปจัดการขนมให้เกลี้ยง จานก่อน และขอปิด Day 2 ไว้ ณ ที่นี้ รอติดตามกันต่อได้วันถัดไปจ้า

สินค้าแนะนำ
x

ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในตะกร้า