ถ่ายอาหารในร้านอาหารด้วยแสงธรรมชาติ

ได้รับ Request อยู่บ่อยครั้งในเว็บบอร์ดว่าอยากให้สอนถ่ายอาหารหน่อย ต้องจัดอะไรบ้าง? ต้องปรับกล้องยังไง? วันนี้ ก็เลยจะมาสอนให้มือใหม่ทุกคนได้ไปลองฝึกดูค่ะ




บางคนอาจจะเคยถ่ายภาพอาหารกันมาบ้าง สำหรับมือใหม่ บางทีอาจจะไม่รู้ ว่าต้องจัดวางอะไรยังไง ก็เลยถ่ายมาเป็นดังต่อไปนี้

ถ่ายมาแบบ มองเห็นไม่ชัดเจนว่าอาหารคืออะไร
ก็พอเห็น แต่ไม่ชัด ก็พอดูออกแหล่ะว่าคืออะไร แต่มันดูไม่น่าสนใจ ดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร



พอบอกว่า ไม่ค่อยเห็นของในจาน ก็เลยจัดเต็มมาเลย

ถ่ายมาแบบ เห็นอาหารเต็มเฟรมเกินไป
ซึ่งภาพสไตล์นี้ เก้าก็จัดมาแล้ว เต็มๆ ก็เลยได้รับการขนานนามว่า มู่ว์ววววว!! (ออกเสียงให้ได้ Feeling แบบที่เบญทำในวีดีโอนะ 555+) ทำไมต้องมู่ว์วววว

ภาพนี้คือ ซี่โครงหมูบาร์บีคิวค่ะ สังเกตว่า มันใหญ่มาก และผิวมันแผล่บ แล้วยังจัดองค์ประกอบเต็มขนาดนี้ ทำให้รู้สึก มันดู..... "หมูจัง" มันสร้างความรู้สึกว่า โอวววว... หมูจริงๆ อ่ะ





อาจจะค้านในใจว่า อ้าว ! ก็ภาพแรกบอกว่า มันดูไม่ออกไง เห็นไม่ชัด จัดให้ชัดขนาดนี้ ยังไม่ดีอีกหรอ -*-

คือ ไม่รู้สึกว่ามันแน่นไปหรอ มันดูเต่ง มัน เงา แน่น ถามว่ามันน่ากินมั้ย คำตอบของเก้า คิดว่า มันดูเหมือนหมูพลาสติก เหมือนอาหารในตู้โชว์มากกว่า ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากิน ก็ถือว่า ไม่ผ่านค่ะ

ก็เลยคิดใหม่ ให้มันไม่มู่ว์ก็ได้ ให้เห็นอย่างอื่นด้วยก็ได้ ก็เลย...

ถ่ายมาแบบ ชัดทั้งหมด ไม่มีจุดสนใจ ไม่น่าสนใจ
มันชัด มันก็ถูกต้อง ในแง่ของ Basic การถ่ายรูป แต่ในแง่ของศิลปะ ถามว่า มันตอบโจทย์คอนเซ็ปท์การถ่ายอาหารของเราหรือเปล่า ถ้าเราคิดไว้ว่า อยากถ่ายออกมาให้น่ากิน และดูน่าสนใจ ก็ต้องถามตัวเองว่า พอใจแล้วหรือยัง? ถ้าพอใจแล้วก็จบ แต่ถ้าไม่พอใจ ก็ไปข้อถัดไปเลยค่ะ



ไม่พอใจ ก็เลยไปปรึกษาเพื่อน (มือใหม่ด้วยกัน) ทำไงดีอ่ะ ถ่ายภาพอาหารออกไม่น่าสนใจ ไม่น่ากินเลยอ่ะ เพื่อนก็แนะนำว่า นี่ๆ ชั้นเคยเห็นบางคนเอาของประดับในภาพอาหารด้วยนะ คิดได้ดังนั้น ก็เลยประดับประดาซ้าาาา

ถ่ายมาแบบ รกไปหมด ของประดับบดบังความสำคัญของอาหารไป
เอามาประดับ ก็ดีอยู่ ถือเป็นไอเดียที่ดี แต่รกขนาดนี้ มันดีจริงๆ หรอ ??



รกไปหรอ ?? งั้นทำไงดีล่ะ ไปปรึกษาเพื่อน (มือใหม่) คนเดิม เพื่อนคนดี ก็แนะนำว่า นี่ เทอว์ มีเลนส์ Fix 50 mm. F1.8 ป่าวละ ได้ยินมาว่า พวก iLove เค้าใช้ถ่ายภาพอาหารกันนะ มันทำหน้าชัดหลังเบลอสวยเลยล่ะ ละลายยยยยยยย ไปเลยลองสิ :D เพื่อนที่หวังดีแนะนำ แต่แนะนำไม่หมด ก็เลย...

ถ่ายมาแบบ เบลอเกินเหตุ เบลอไปหมด แม้แต่จุดเด่นของอาหารก็เบลอด้วย o_O
ด้วยอารมณ์ประมาณว่า ได้เลนส์ Fix ที่มันทำหน้าชัดหลังเบลอได้ ก็เห่อ อยากละลาย ละลาย ละลายยยยยย เลนส์ Fix 50 mm. F1.8 ใช่มั้ย เปิด 1.8 ไปเลยยะฮู่วววว ผลออกมา ละลายจริง อะไรจริง ละลายไปหมดเลย แบบนี้ มันสื่อความหมายรึเปล่า ก็ลองถามตัวเองดู





ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นอาการของมือใหม่ค่ะ ต้องตกในอาการที่ว่ามานี้ ไม่บางข้อ ก็ทุกข้อแหล่ะ 555+ วันนี้ เรามารักษาอาการที่ว่ามานี้กันดีกว่า เราจะได้มีภาพอาหารสวยๆ โพสท์ลงบอร์ดนั้น นี้ โน้น หรือโพสท์ลงบล็อคของเราเองไว้ให้ภูมิใจกันเถอะค่ะ ^o^

จริงๆ แล้ว การถ่ายอาหารก็มีอยู่ 2 แบบ คือ

1. แบบ set up อาหารใน Studio ถ่ายลง Magazine กันเป็นเรื่องเป็นราว มีการ Set ไฟ ฉาก ควันเทียม ไอน้ำ ฉากหลังดำ
2. อีกแบบคือ การถ่ายแบบใช้แสง Ambience หรือแสงจากธรรมชาติ (ไม่ได้หมายถึงพระอาทิตย์อย่างเดียว แต่หมายถึงแสงไฟในร้านอาหารด้วย) แสงไฟที่มีในร้านอาหาร รวมไปถึงแสงรอบข้างต่างๆ

ที่จะมาสอนกันวันนี้คือ แบบที่ 2 ค่ะ เพราะเราถ่ายภาพรีวิวอาหารใช่ม๊ะ เราก็คงไม่ได้จะ Set ถ่ายอะไรกันมากมาย เพราะสุดท้าย อาหารนั้น เราก็จะต้องกินเข้าไปและบรรยายรสชาติถูกมะ (ก็ตามสไตล์ iLove ก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ) เรียกว่า ใช้สิ่งรอบข้าง บรรยากาศรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ให้ภาพออกมาสวยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และเราก็จะไม่แฟลช และแผ่นสะท้อนแสงด้วยนะคะ เพราะเราไปทานอาหารในร้าน ก็ไม่อยากกวนลูกค้าคนอื่นๆ ที่เค้าทานอาหารอยู่เนอะ

ก่อนอื่น เรามาเตรียมอุปกรณ์กันก่อนค่ะ

อุปกรณ์ที่เตรียมไป

1. เลนส์ Fix 50 mm. F1.8 ใครมีอะไรเดิ้นกว่า เช่น อาจจะมี F1.4 F1.2 ก็พกไป
2. เลนส์ Wide 10-22 mm. เอาไปทำไม?? เอาไปเก็บบรรยากาศร้านไง หรือ เอาไปเก็บอาหารจานใหญ่ๆ ที่เลนส์ Fix 50 อาจจะเก็บไม่หมด ก็สามารถทำได้นะคะ
3. เลนส์ Kit 18-55 mm. ใครที่ไม่มี 2 เลนส์ที่ว่ามา เอาคิทไปได้ ไม่ผิดกติกา จะว่าไป วิธีที่เราจะสอนในวันนี้ คนที่มีแต่กล้องคอมแพ็ค ก็ยังใช้ได้เลยนะ

การ Set ค่าที่กล้อง

1.ใช้โหมด AV
2. ค่า F ขึ้นอยู่กับว่า เราดีไซน์ภาพยังไง ขอบอกว่าอันนี้เป็นประเด็นเลยล่ะ สำคัญมากๆ แต่เดี๋ยวมาบอก
3. ค่า Speed Shutter เหมือนที่เคยเรียนกันมาเลย ใช้ทางยาวโฟกัสเท่าไร เอา Speed Shutter เท่านั้นอ่ะ ใช้ เลนส์ Fix 50 mm. อย่าให้ต่ำกว่า 1/50 ถ้าใช้เลนส์ Kit ก็ถ้าใช้ทางยาวโฟกัส 35 ก็ต่ำกว่า 1/35 ได้ประมาณนึง เพราะ..... เลนส์ Kit มีเทพสิงสถิตอยู่คือ IS ถูกต้อง!!
4. ISO ตามมาตรฐาน ก็ 100 แต่ถ้า 100 แล้ว Speed Shutter ไม่ได้เท่ากับทางยาวโฟกัส ต้องดันเพิ่มนะ สัญญา!!
5. WB ตามแบบ iLove จะตั้งเป็น auto WB และถ่ายมาเป็น RAW จากนั้นก็มาปรับ WB เอาเองใน Camera Raw แต่สมมติใครถ่ายเป็น JPG ถ้าเจอไฟเหลืองก็ปรับ Tungsten Light ถ้าเจอไฟขาวก็ปรับฟลูออเรสเซนส์ แต่แนะนำให้ถ่าย Raw ดีกว่าแล้วมาปรับเอา จะแม่นกว่าค่ะ

อุปกรณ์พร้อมแล้ว ก็มาเริ่มพิธีกรรมกันเลยค่ะ ; P

สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้

1. ปริมาณแสงที่พอดี
สิ่งแรกที่จะต้องนึกถึงคือ แสง ให้คิดซะว่า อาหาร ก็คือนางแบบ นายแบบคนหนึ่ง ที่เราจะต้องให้แสงที่พอดี ดังนั้นจะให้แสงเท่าไร มันก็อยู่ที่ช่วงเวลาที่เราไปและการเลือกมุมที่นั่ง ตรงไหนที่จะให้แสงที่พอดีได้ มีเทคนิคเล็กน้อยสำหรับการเลือกที่นั่งค่ะ

ถ้าเราไปกินข้าวเที่ยง ไม่ควรเลือกที่นั่งใกล้หน้าต่าง เพราะจะได้แสงมากเกินไป กลายเป็นความจ้า และแสงจะแข็งเกินไป ให้หาที่นั่งในจุดที่มืดหน่อย แล้วใช้แสงไฟในร้านดีกว่า เพราะยังไง เราจะได้ความสว่างของความเป็นเวลาเที่ยงประกอบกันอยู่แล้ว

ภาพนี้ เป็นตัวอย่างของแสงที่ได้ในตอนเที่ยงพอดี และนั่งติดหน้าต่างค่ะ



นอกจากแสงจะแข็งแล้ว ยังมีเงาสะท้อนอีก -___-



นี่ก็อีกร้าน นั่งติดหน้าต่างตอนกลางวันพอดีค่ะ



ถ้าเราไปกินข้าวเย็น การนั่งใกล้หน้าต่างจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ และถ้าร้านมีโซน Outdoor ช่วง 4-5 โมง ให้นั่ง Outdoor แสงจะสวย

ตัวอย่างภาพที่ได้แสงตอนช่วง 4-5 โมงค่ะ



5 โมงกว่าๆ นี่ ได้แสงสวยจริงๆ ค่ะ จะเห็นเลยว่าแสงมันนุ่มนวลกว่ากัน



อันนี้ ก็อีกร้านนึง แต่ช่วงเวลาเดียวกัน คือประมาณ เกือบๆ 5 โมงเย็นค่ะ



ถ้าเราไปกินข้าวเย็นแบบออกค่ำๆ กลางคืนๆ สไตล์ดินเนอร์ การนั่ง Outdoor ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่ค่ะ เพราะแสงไม่พอ ทำให้เราต้องดัน ISO เยอะ เราควรเลือกนั่งในร้านแล้วใช้แสงไฟในร้านเป็นตัวช่วยดีกว่าค่ะ

ภาพนี้ คือนั่งแบบ Outdoor ในช่วงเวลาทุ่มกว่าๆ ค่ะ มืดแล้ว ไม่มีแสงอะไรช่วยเลย นอกจากไฟแถวๆ นั้น และไฟจากด้านในห้องอาหารค่ะ มันสว่างไม่พอ ทำให้เราต้องดัน ISO น้องน้อยส์ กระจาย -___-''



ภาพนี้ ถ่ายในช่วงเวลา ทุ่ม สองทุ่มค่ะ ใช้แสงไฟจากในร้าน ทำให้เราไม่ต้องดัน ISO มาก แต่แสง ก็ไม่ได้สวยเท่าแสงธรรมชาติในช่วงเวลาที่ถูกต้องนะคะ



2. เลือกสั่งเครื่องดื่มที่มีสีสันแทนน้ำเปล่า
ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้เสียเงินเพิ่มนะ แต่มันจะช่วยทำให้ภาพของเราดูดีมากขึ้นได้ ถ้าร้านที่มีเครื่องดื่มที่เป็น Signature ก็สั่งมา



หรือถ้า Signature ของเค้า เราไม่อยากดื่ม หรือมันอาจจะไม่อร่อย ก็สั่งน้ำผลไม้แทนก็ได้ เช่นน้ำส้ม น้ำแตงโม แคนตาลูป



หรือน้ำอัดลม น้ำเขียว น้ำแดง หรือชาเขียวเย็น ชาเย็นก็ได้ จะช่วยทำให้ภาพของเรามีสีมากขึ้นค่ะ



แนะนำเลือกที่มันมีสีสันนะ (พยายามหลีกเลี่ยงน้ำดำ อย่างโอเลี้ยง พรือพวกโคล่า เว้นแต่ว่า เราวางคอนเซ็ปท์ไว้ แล้วน้ำดำๆ เหล่านั้นมันเข้าคอนเซ็ปท์ของเรา ก็อีกเรื่องนึง) มันจะมีประโยชน์เมื่อเราคิดองค์ประกอบไม่ออก หรือบางที มันอาจจะขาดอะไรไปบางอย่าง

3. จัดแต่งจานอาหารให้เรียบร้อย
ไม่ได้ให้เข้าไปในครัวแล้วไปขอเชฟจัดตกแต่งจานเองนะ (; P) ให้จัดแต่งนิดๆ หน่อยๆ อะไรที่ดูกระเดิด ล้น ปลิ้น ก็เขี่ยๆ ให้มันเข้าที่ เช็ดขอบจาน ชามให้สะอาด

ภาพนี้ นอกจากจะไม่เช็ดให้เรียบร้อยแล้วยังเบลออีกด้วย -___-''



มีน้ำส้มตำเลอะอยู่ขอบจาน



จัดวางท่าทางให้ดูสมกับเป็นอาหาร ไม่ใช่สัตว์โลกตาดำๆ อย่าให้เกิดความน่าสงสาร เช่น การวางกั้งหงายท้องที่ดูไม่มีพิษมีภัย ท้องลายเชียว การถ่ายกุ้งที่กำลังจะโดนย่าง เห็นแววตาดำๆ น่าสงสาร กินไม่ลง ถึงแม้ว่า เราจะบอกว่า ถ่ายสัตว์เราควรโฟกัสที่ตาไม่ใช่หยอ ?? แต่ตอนนี้ สัตว์เหล่านั้น ผ่านกระบวนการมาเป็นอาหารแล้วค่ะ

Y_Y





ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ให้ทำอะไรที่หลอกเกินกว่าความเป็นจริงที่เราได้รับจากร้านอาหาร เราแค่จัดแต่งสิ่งต่างๆ ที่สามารถทำได้ในการไปทานอาหารจริงๆ

อย่างเราสั่งผัดไทเงี้ย บางที ก็มีเศษๆ ถั่ว ผัก เต้าหู้ ติดอยู่ ก็เขี่ยออก หรืออาจจะมีแมลงสาบโดนฟันสะพายแล่งติดอยู่ก็เขี่ยออก (O_o) (><)

4. หันทิศทางของจานให้น่าสนใจ
จะหันจานยังไงดี? โดยปกติเราก็มักจะสังเกตว่า มีอะไรบ้างที่มันจะดึงความสนใจได้ จากที่ผ่านมาเท่าที่พวกเราถ่ายรูปรีิวิวอาหารมา เราเห็นอยู่ 2 อย่างค่ะ
- รูปทรงของจาน
- พระเอกของเมนูนั้นๆ

รูปทรงจาน หรือชาม ทุกวันนี้ ในบางร้าน เก้าเห็นมีจาน ชาม อยู่หลายทรงมาก มีทรงแปลกๆ ออกมาให้ได้ใช้งานกัน แต่สำหรับการเริ่มต้นของมือใหม่ จะไม่ขอพูดถึงจานทรงแปลกนะคะ จะพูดถึงทรงมาตรฐานที่เรามักจะได้เจอกันอยู่เป็นประจำคือ จานทรงกลม กับ จานทรงสี่เหลียม

ถ้าเป็นจานทรงกลม ก็ไม่ต้องคิดมาก หันทางไหน ก็เหมือนกัน ดังนั้น สำหรับจานกลม ก็เลยให้มุ่งไปที่พระเอกของเมนูเลยดีกว่า

ถ้าเป็นจานทรงสี่เหลี่ยม ส่วนมาก เรามักจะเล่น Shape ของมันให้เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างความน่าสนใจค่ะ จะหันให้มันเฉียงๆ คือ เอามุม มาชนกับกรอบภาพ









ภาพจะมีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าแค่ความเป็นจานเหลี่ยมๆ แต่ต้องคำนึงถึงพระเอกของเมนูด้วย ไม่ใช่ว่า ดูแต่จาน หันไปหันมา พระเอกของจานหันหลังซะนี่ ไม่ได้ๆ เค้าหน้าตาดี ต้องหันพระเอกมาด้านหน้านะจ๊ะ

พระเอกของเมนูนั้นๆ คิดก่อนเลยว่า เมนูนั้น อะไรคือพระเอก ดูยังไง? ยกตัวอย่างแล้วกัน ง่ายดี ถ้าสั่งสเต็กปลาดอรี่ แน่นอนว่า ปลาดอรี่ คือพระเอก ก็หันปลามาให้เห็นชัดๆ เป็นต้น



บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ทำไมต้องบอก แต่บางที เราดูหลายอย่าง เราก็ลืมตัว บางที เราหันจานหันไปหันมา ได้องค์ประกอบที่อยากได้ แต่ภาพไม่สื่อ เห็นปลาครึ่งเดียว ก็ถือว่าสอบตกนะจ๊ะ

5. ประดับด้วยของแวดล้อม
การนำอย่างอื่นมาเข้าฉากด้วย ถือเป็นไอเดียที่ดีค่ะ โดยปกติสิ่งพวกเรานึกถึงคือ อาหารทานกับอะไรได้บ้าง ถ้าเมนูนั้น มีน้ำจิ้มเฉพาะของเค้า ก็จะต้องถ่ายกับน้ำจิ้มของเค้า หรือชุดของเค้า



แต่ถ้าไม่ได้มาเป็นชุด หรือน้ำจิ้มเฉพาะของเค้า เช่น อาจจะเป็นอาหารที่สามารถทานกับเกลือ พริกไทยที่เค้าวางไว้บนโต๊ะได้ (เช่นสเต็ก) เราก็จะเอามาเข้าฉากด้วย หรืออาจจะเป็นพวกแจกันดอกไม้เล็กๆ เพราะบางร้าน เค้าจะมีดอกไม้ ต้นไม้เล็กๆ วางไว้บนโต๊ะ อย่างเช่น Melt me ก็มีแจกันดอกไม้ Library มีกระบองเพชร



หรืออีก 1 ทางเลือกที่เราสั่งไว้แต่ต้นคือ แก้วเครื่องดื่มค่ะ





มีด ช้อน ส้อม ตะเกียบ ก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องระวังการวางด้วย อย่าให้มาบังพระเอกของเรานะ



6. โฟกัสไปที่พระเอกของเมนูนั้นๆ แล้วแชะได้เลย
มาถึงตรงนี้ ก็พร้อมแล้วล่ะ ทุกอย่างลงตัว ก็อย่าลืมโฟกัสไปที่พระเอก เน้นย้ำว่า พระเอกนะคะ อย่าโฟกัสผิด ถ้าพลาด ก็จะสื่อความหมายผิดไปเลยนะ

7. ตักพระเอกขึ้นให้เด่นจากจาน
ถ้าเป็นช้อน ก็ใช้ช้อนตัก



ถ้าเป็นตะเกียบ ก็คีบมันขึ้นมา



ถ้าเป็นส้อม ก็จิ้มมันขึ้น เช่น สเต็ก ก็หั่นแล้วจิ้มขึ้นมา หรือสปาเก็ตตี้ ก็ม้วนเส้นขึ้นมาให้สวยงาม



ถ้าเป็นสิ่งที่ต้องใช้มือ ก็หยิบขึ้นมา เช่น พิซซ่า ก็หยิบมันขึ้นมาชิ้นนึง หรือพวก โรตีแกงเขียวหวานไก่ ก็หยิบแผ่นแป้งตักชิ้นไก่วาง แล้วก็มีน้ำแกงนิดหน่อย



การจิ้มกับน้ำจิ้ม เช่น ซูชิ ป้ายวาซาบิไว้ แล้วทำท่าจิ้ม หรือกุ้งย่างจิ้มกับน้ำจิ้มพริกตำรสแซ่บ



ทั้งหมดนี้ ให้อยู่บน Background ที่เป็นจานของมัน จะทำให้ภาพเล่าเรื่องได้สมบูรณ์มากขึ้น



เทคนิคเสริม

อันนี้ ไม่ได้ซีเรียสนะคะ ทำหรือไม่ทำก็ได้ ทำได้ก็ดี คือ

- ถ่ายให้เห็นบรรยากาศแวดล้อม



- ถ่ายมาเยอะๆ อย่าขี้เหนียว ถ่ายมาหลายๆ  มุม ลองหันทางนั้นทางนี้ ที่คิดว่าสวย เราจะได้มีหลายๆ มาเลือกค่ะ
- ถ่ายให้ไวๆ เพราะอาหารบางอย่างทิ้งไว้นานมันจะเสียรูปไป หรือเรียกว่ามันเซ็ง หรือพวกไอศกรีม ที่วางบนขนมปังร้อนๆ



ปัญหาที่มักจะเกิด

ถ่ายมาเบลอเกินไป
อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกแล้วว่า ค่า F มันมักจะเป็นประเด็นว่า เราควรจะเปิดเท่าไรดี ยังไงถึงสวย

ส่วนใหญ่ มือใหม่ตั้งค่า F โดยที่ลืมคิดเรื่องการสื่อความหมาย เพราะคิดแค่ว่า ยิ่งชัดตื้นเท่าไร ภาพยิ่งสวย ยิ่งละลายได้เยอะ ยิ่งดูเมพขิงๆ จริงๆแล้วไม่ใช่เลยค่ะ อย่างที่พูดอยู่เป็นประจำเสมอๆ เลยว่า ถ่ายภาพต้องสื่อความหมาย เพราะเราไม่ได้ถ่ายมาเพื่อ Test อุปกรณ์ หรือวัดประสิทธิภาพของเลนส์

แต่เราถ่ายภาพมาเพื่อเล่าเรื่อง ให้ภาพดูน่าสนใจ สือความหมายได้ถึงคนดูภาพ ถูกมั้ยคะ ดังนั้น ยิ่งละลายเท่าไร ยิ่งสวย มันจึงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องของทุกโจทย์ค่ะ


จะไม่บอกค่า Exactly ว่า เปิดค่า F เท่าไรถึงจะดี แต่อย่างที่เคยบอกว่า ค่า F ช่วยเรื่องการดีไซน์ดังนั้น ให้ตั้งค่า F ให้ครอบคลุมพอที่จะเก็บพระเอกของจานเอาไว้ได้หมด หรือค่า F ที่เล่าเรื่องได้ครบ คนดูภาพเข้าใจได้ และรับรู้ได้อย่างถูกต้องอย่างที่เราต้องการ

(ตัวอย่าง ค่า F กว้างไป)



(ตัวอย่างค่า F ที่ดี)



เงาสะท้อนที่ทำให้เสียลายละเอียดของพระเอกไป
พูดเรื่องนี้ เพราะว่า เป็นสิ่งเล็กๆ ที่เรามักจะมองข้าม พอกลับบ้านมาเอาภาพลงคอม ถึงได้เห็น โอ้ววว บร๊ะเจ้า สะท้อนจนเสียลายละเอียด



วิธีแก้คือ เราอาจจะต้องหันมุมอ่าน หรือเอาตัวเองบังเงาไว้แทน

ก็มีแค่นี้เองค่ะ วิธีถ่ายภาพอาหาร ก็ไม่ยากเนอะ มันก็ไม่ได้เป็นเทคนิคยากซับซ้อน แต่เราแค่มาบอกว่า เราคำนึงถึงอะไรบ้างเวลาถ่ายรูป มือใหม่จะได้ไม่ต้องไปเรียนรู้เองทั้งหมด อ่านเทคนิคเรา และลองไปปรับใช้ดูกับสถานการณ์ที่เจอจริงๆ เราจะเข้าใจได้มากขึ้นอย่างรวดเร็วค่ะ

ใครอยากดูภาพอาหารของพวกเรา ก็เข้าไปได้ที่ลิงค์นี้นะคะ ไม่ได้บอกว่าสวยทุกภาพ ภาพสวย ภาพไม่สวย ก็ปนๆ กันค่ะ ดูอย่างเรียนรู้ อย่าดูอย่างไม่คิดอะไรนะคะ ^^

http://www.ilovetogo.com/AricleList/82/Go-Eating

ฝึกเยอะๆ นะคะ เหล่าศิษย์ อาจารย์โยดา
"May the force be with you !!!"